คลัีงเก็บรายวัน: มีนาคม 28, 2016

Welcome to Thaifood

 

logo-logo-1193029.png

 

 

 

 

             เว็บไซต์นี้สร้างขึ้นเพื่อเผยเเพร่สาระเนื้อหาความรู้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ที่สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิต ประจำวันได้ โดยส่วนตัวเจ้าของเว็บไซต์ชอบรายการทำอาหารเลยเกิดเเนวคิดที่จะพัฒนาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับอาหารไทย เพื่อเผยเเพร่ความรู้เคล็ดลับ หรือ สูตรตำราอาหารไทยเพื่อไปต่อยอดเป็นในรูปเเบบธุระกิจเป็นของตัวเองต่อไป

 

 

ประวัติส่วนตัว

 

-

ชื่อ นาย สุไลมาน   นามสกุล   ยะปาร์

เชื้อชาติ ไทย     สัญชาติ ไทย     ศาสนา  อิสลาม

วันเกิด 16  เดือน กรกฎาคม  พศ. 2537      อายุ 21

มีพี่น้อง  2 คน  ชาย 1 หญิง 1

ที่อยู่ปัจจุบัน  บ้านเลขที่ 13/6   หมู่ที่ 1    ตำบลแว้ง   อำเภอแว้ง     จังหวัดนราธิวาส  96160

หมายเลขโทรศัพท์     0828214962

อีเมล์   M_0828214962@hotmail.com

ประวัติการศึกษา  กำลังศึกษาอยู่  ( มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต  )

สัตร์เลี้ยงที่ชอบ  แมว , ปลา , กระต่าย

น้ำผลไม้ที่ชอบ   น้ำแตงโม , สตอเบอรี่, กล้วย , ส้ม

งานอดิเรก    ดูรายการทำอาหาร

คติประจำใจ  ทำวันนี้เผื่ออนาคตในนวันข้างหน้า

เกร็ดความรู้ (เคล็ดลับ)

จ

 

เกร็ดความรู้-วิธีเก็บรักษาผักสด

                หลายคนอาจเจอปัญหาเวลาซื้อ “ผักสด” มาเก็บไว้ในตู้เย็นแล้วผักเน่าเสีย อย่างรวดเร็ว วันนี้ Food Tips จะนำเสนอวิธีการถนอมผักสด ให้เก็บรักษาได้นานขึ้น และยังไม่สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ การเก็บรักษาผัก จะต้องเก็บให้เหมาะสมกับชนิดของผักนั้นๆ ซึ่งผักสามารถ แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ ผักที่เน่าเสียง่าย เช่น ผักชี ต้นหอม, ถั่วงอก ผักที่เก็บได้ในระยะเวลาจำกัด เช่น มะเขือเทศ ผักคะน้า ผักกาด, ผักที่เก็บไว้ได้นานกว่าผักอื่นๆ เช่น แครอท กะหล่ำปลี ฟักทอง

   ***เทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยเก็บรักษาผักให้อยู่ได้นานขึ้น คือการนำกระดาษ “หนังสือพิมพ์” มาห่อผักสดของเราไว้

วิธีการเก็บรักษา

  • โดยการนำเอาผักสดที่เราซื้อมา นำมาผึ่งให้แห้งสนิท (ไม่ควรล้างผักก่อนเก็บ เพราะความชื้นจะทำให้ผักเน่าเสียเร็วขึ้น)
  • หลังจากนั้นจึงนำเอากระดาษหนังสือพิมพ์มาห่อผักไว้ (ควรแยกเก็บตามขนิดของผัก ไม่ควรนำผักต่างชนิดมาเก็บไว้รวมกัน)
  •  เสร็จเรียบร้อยนำไปใส่ถุงพลาสติกปิดให้มิดชิด แล้วนำไปเก็บในตู้เย็น

เท่านี้เราจะเก็บรักษาผักสดเอาไว้ได้นานขึ้นกว่าเดิม

 

ที่มา  http://www.centrallabthai.com/web/th/main/content.php?page=sub&category=61&id=2927

 

 


 

ภ

เคล็ดลับน่ารู้ วิธีเก็บรักษาถั่วงอกให้สดได้หลายวันไม่เหี่ยวช้ำ

                ถั่วงอกเป็นพื้นผัก ที่กินง่าย ใช้ทำอาหารได้หลากหลาย ราคาถูก แต่เวลาเราซื้อมา มักได้เยอะ เอามาทำกินไม่หมดในคราวเดียว หากเก็บไว้โดยไม่ถูกวิธี เมื่อทิ้งไว้ข้ามวันมักจะเหี่ยวและช้ำง่าย ทำให้รับประทานไม่อร่อย วันนี้รายการเคล็ดลับน่ารู้โลกหุ่นจะมาแนะนำการเก็บรักษาถั่วงอกอย่างถูกวิธี

                 ถั่วงอก เป็นพืชผักที่มีคุณคาทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะโปรตีน วิตามินและเกลือแร่ นอกจากนี้ยังย่อยง่าย ถือเป็นพื้ชผักที่คู่กับครัวไทย โดยเฉพาะเมนูสุขภาพ เช่น แกงจืดเต้าหู้ใส่ถั่วงอก ผัดถั่วงอก ใส่เป็นเครื่องเคียงขนมจีน อาหารไทยชื่อก้องโลกอย่างผัดไทยก็ใส่ถั่วงอกเป็นส่วนผสมเช่นเดียวกันวิธีที่จะช่วยยืดอายุถั่วงอกให้เก็บไว้ได้หลายวันโดยไม่เน่าไม่เหี่ยวไม่ดำคือ   

  •    นำถั่วงอกใส่ในภาชนะเช่นขวดโหลหรือถ้วยทรงสูง
  • เทน้ำให้ท่วม
  •  แล้วจึงแช่ในตู้เย็น
  •  จะช่วยให้ถั่วงอกไม่ทับกัน และลดการสัมผัสอากาศ และลดการสูญเสียน้ำ จึงช่วยทำให้ไม่เหี่ยว ไม่ดำ และเน่าเสียช้า

 

ที่มา  http://www.lokehoon.com/topic.php?q_id=388

ร้านอาหารเรือนมัลลิการ์

 

ต

ร้านอาหารเรือนมัลลิการ์

                เรือนมัลลิการ์ร้านอาหารไทยที่ให้สัมผัสถึง รสชาติของอาหารไทยคุณภาพเยี่ยม ซึ่งสืบทอดตำนานฝีมือการทำอาหารรสเลิศ จากตำรับเลื่องชื่อพร้อมเก็บเกี่ยวสรรพเสน่ห์ แห่งวัฒนธรรมไทย อย่างสมบูรณ์แบบตามวิถีของ กินอย่างไทย อยู่อย่างไทย ให้สัมผัสกลิ่นอายของวัฒนธรรมไทย ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเยือน เริ่มต้นจากรสชาติเข้มข้นจัดจ้านของ อาหารไทยที่ผ่านการปรุงแต่งด้วย วัตถุดิบชั้นเยี่ยม อย่างพิถีพิถัน ตลอดจนการให้บริการ รวมถึงบรรยากาศที่แวดล้อม อาหารทุกจานเสิร์ฟด้วยภาชนะศิลาดลซึ่งเป็น เครื่องปั้นดินเผาสีเขียว พร้อมประดับจัดแต่งจานด้วยผัก ผลไม้ แกะสลักลวดลายให้เป็นดอกไม้ ใบไม้อย่างวิจิตรบรรจง เสิร์ฟขันน้ำลอยดอกมะลิสำหรับลูกค้า ใช้ล้างมือก่อน รับประทานอาหาร เครื่องแต่งกายของพนักงาน จะใช้ผ้าแถบคาดอกพร้อมคลุมไหล่ นุ่งผ้าถุงทอมือลายพื้นเมือง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับชุดลาวพวน ประวัติเรือนมัลลิการ์ สาขาสุขุมวิท เปิดบริการเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2545 ร้านสาขาแรกที่เป็นเรือนไม้สักไทยสมัย รัตนโกสินทร์ตอนต้นอายุกว่า 180 ปี ซึ่งคาดว่าน่าจะปลูกสร้างขึ้นในราวรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลัยโดยมีพื้นที่ 206 ตารางวา ตั้งอยู่ในซอยเศรษฐี สุขุมวิท 22 และด้วยความที่เป็นเรือนไทยโบราณ กอปรกับมี อาจารย์มัลลิการ์ หลีระพันธ์ เป็นผู้บริหารกิจการจึงเป็นที่มาของชื่อร้าน “เรือนมัลลิการ์”

 

ที่มา  http://www.ruenmallika.com/about.html

ร้านอาหารเรือนไทย

 

จ

ร้านอาหารเรือนไทย

                 “ร้านอาหารเรือนไทย” เพราะนอกจากมีอาหารที่อร่อยถูกปากตามแบบฉบับอาหารไทยให้เลือกทานหลากหลายเมนูแล้ว ยังตกแต่งบริเวณโดยรอบได้อย่างน่านั่งกับบรรยากาศเรือนไทยแบบดั้งเดิมที่ให้ความรู้สึกราวกับนั่งทานอาหารอยู่ในเรือนของท่านขุนเลยก็ว่าได้ ซึ่งการนำเรือนไทยมาตกแต่งนี้มาจากแนวคิดอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ต้องการให้คนรุ่นใหม่สัมผัสความเป็นเรือนไทยได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

ที่มา http://www.edtguide.com/review/397455/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-Ruean-Thai-%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5

ร้านอาหารบ้านในสวน

 

ค

ร้านอาหารบ้านในสวน

                คาเฟ่และร้านอาหารนั่งสบายๆ เหมือนทานอาหารที่บ้านพร้อมมีสวนให้ความร่มเย็น ลูกค้าสามารถเลือกทานอาหารเมนูง่ายๆ เช่น พาสต้าคาโบนาร่า หรือจะทานขนมที่มีหลายเมนูก็ได้ เช่น วาฟเฟิลพร้อมไอศกรีม รวมถึงเครื่องดื่มมากมายหลายเมนูให้ลูกค้าได้เลือก

 

ที่มา https://www.ilovetogo.com/FileUpload/Editor/ImagesUpload/WebContent/HipThailand/GoEating/5403/Baan_Nai_Suan_01.jpg

ร้านอาหารบ้านไม้ชายน้ำ

 

ค

ร้านอาหารบ้านไม้ชายน้ำ

                ร้านอาหาร บ้านไม้ชายน้ำ ร้านดังในย่านปากช่อง ที่คนพื้นที่และนักท่องเที่ยวรู้จักกันดี จุดเด่นของนี้ เริ่มต้นที่กาตกแต่งร้านด้วยของเก่า ของสะสม ของเจ้าของร้านซึ่งรวบรวมของที่ระลึกจากทั่วมุมโลก มารวมไว้ที่ร้านนี้ ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าเขาและลำธาร ที่สร้างเสน่ห์ให้กับร้านนี้ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของเมนูอาหาร มีทั้ง ต้มยำกุ้ง รสชาติเข้มข้น กุ้งตัวโตๆ , แกงเผ็ดเป็ดย่าง เนื้อเป็นนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องแกง , ปลาช่อนลุยสวน ปลาตัวใหญ่สมุนไพรไม่แบบไม่อั้น, ยำผักบุ้งทอดกรอบ, ยำกุ้งฟู, และขาหมูเยอรมันรมควัน

 

ที่มา  https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3&biw=1366&bih=643&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwjg9rWNjsjLAhWKA44KHRTtCtoQ_AUIBygC#imgrc=76E_8LmD4nWKpM%3A

ร้านอาหารบุษราคัม

 

ค

ร้านอาหารบุษราคัม

                อาหารไทยชาววังที่ร้านบุษราคัมในซ.ประมวล สีลมมาครับ เปิด 2 รอบคือช่วงมื้อเที่ยง 11.00 – 14.00 น. และช่วงมื้อเย็น 17.30 – 22.30 น. เราไปทานช่วงเที่ยงก็จะมีให้เลือกทานทั้งแบบ A la carte และแบบ Lunch Set อาหารที่เราทานวันนี้เป็นเซ็ตอาหารกลางวัน ซึ่งร้านนี้จะเสิร์ฟสไตล์ยุโรป ประกอบไปด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย – ซุปหรือสลัด – จานหลัก – ขนมหวาน ราคาก็ไม่แพงนะคนละ 350 บา

 

ที่มา  https://www.wongnai.com/restaurants/321mT-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%A1

ลูกชุบ

 

6

 

ส่วนผสมและสัดส่วน

  •  ถั่วเขียว 450กรัม                                                                                                                                  
  •  น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)                                                                                                    
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทำน้ำวุ้น)                                                                                                    
  • น้ำกะทิ 400 กรัม                                                                                                                                            
  • วุ้นผง 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำวุ้น)                                                                                                        
  • สีผสมอาหาร  (อย่างน้อยแม่สี 3 สี : สีแดง, สีเหลืองและน้ำเงิน),   จานสีและพู่กัน
  • ไม้จิ้มฟัน  (สำหรับเสียบถั่วที่ปั้นแล้วเพื่อแต่งสีและจิ้มลงในน้ำวุ้น)
  •  โฟม (สำหรับเสียบถั่วปั้นระหว่างทำ ถ้าวางบนพื้นจะเสียทรง)

วิธีทำทีละขั้นตอน

  • นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที) 2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
  • จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)
  • ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงตามใจชอบ (ผัก, ผลไม้หรือสัตว์น่ารักๆ) เมื่อปั้นเสร็จให้เสียบไม้จิ้มฟันรอไว้ ควรปั้นส่วนผสมทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ถั่วที่ปั้นเสร็จแล้วควรห่อไว้ด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ
  • ผสมสีผสมอาหารตามต้องการ แล้วจึงบรรจงแต่งสีลงบนถั่วปั้นให้เหมือนจริง หรือตามแต่ความชอบ    
  • ทำน้ำวุ้นโดยผสมน้ำเปล่า, ผงวุ้นและน้ำตาล ลงในหม้อ นำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง หมั่นคนอย่างสม่ำเสมอ รอจนส่วนผสมเดือด ช้อนฟองที่ลอยหน้าออก จึงหรี่ไฟลง                                                      
  •  นำถั่วปั้นที่แต่งสีแล้วไปชุบในน้ำวุ้น ควรชุบประมาณ 2 – 3 ครั้ง ระหว่างชุบวุ้นต้องอุ่นน้ำวุ้นด้วยไฟอ่อนเพื่อไม่ให้วุ้นแข็ง ถ้าไม่พอก็ผสมน้ำวุ้นขึ้นใหม่ตามอัตราส่วนข้างต้น                                                             
  • นำลูกชุบออกจากไม้ิจิ้มฟัน ตัดแต่งเศษวุ้นส่วนเกินออกด้วยกรรไกร จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆได้ทันที

 

ที่มา http://cooking.kapook.com/view96006.html